วีซ่าแต่งงานหรือวีซ่าคู่สมรสนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี เพื่อที่จะให้คู่สมรสสามารถพำนักอาศัยอยู่ร่วมกันในญี่ปุ่นได้ ซึ่งวีซ่าแต่งงานมีอยู่ 3 ประเภท
🇹🇭 💙 🇯🇵 วีซ่าแต่งงานสำหรับคู่สมรสระหว่างคนไทย – คนญี่ปุ่น
🇹🇭 💛 🇹🇭 วีซ่าแต่งงานสำหรับคู่สมรสระหว่างคนไทย – คนไทย
🇹🇭 💚 🇺🇸 วีซ่าแต่งงานสำหรับคู่สมรสระหว่างคนไทย – คนต่างชาติ
ขั้นตอนการขอวีซ่านั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อคู่สมรสได้ทำการจดทะเบียนสมรสเป็นที่เรียบร้อย หากเป็นคู่สมรสระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่น ต้องดำเนินเรื่องการสมรสให้เรียบร้อยก่อนทั้งที่ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น โดยจดทะเบียนสมรสที่ประเทศไทยหรือญี่ปุ่นก่อนก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของคู่สมรส เมื่อจดทะเบียนสมรสที่ประเทศใดประเทศหนึ่งแล้ว จึงรายงานการสมรสไปยังอีกประเทศหนึ่ง
แน่นอนว่ากว่าจะยื่นขอจดทะเบียนได้นั้นต้องผ่านขั้นตอนและการเตรียมเอกสารมากมาย แต่ที่ยุ่งยากกว่านั้นก็คือการยื่นขอวีซ่า หลายคู่ที่แต่งงานกันอย่างถูกต้อง แต่กลับถูกปฏิเสธวีซ่าทำให้ไม่สามารถมาอยู่ร่วมกันที่ญี่ปุ่นได้
การที่นิวกังไม่อนุมัติวีซ่าให้นั้นเนื่องจากทางนิวกังมองว่าการแต่งงานนั้นเป็นการแต่งงานปลอม เพื่อให้ได้มาซึ่งวีซ่า ซึ่งในความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่ามีกรณีแต่งงานปลอมเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคู่ที่แต่งงานกันด้วยความจริงใจ แต่ยื่นขอวีซ่าแล้วไม่ผ่าน โดยส่วนใหญ่กรณีดังต่อไปนี้คือกรณีที่วีซ่าจะถูกพิจารณาอย่างเข้มงวด
💓 คู่สมรสที่อายุห่างกันมากๆ
💓 คู่สมรสที่ใช้เวลาคบหาดูใจกันไม่นาน
💓 เจอกันเพียงไม่กี่ครั้งแล้วแต่งงาน
💓 มีประวัติการหย่าร้างหลายครั้ง
💓 หย่าแล้วแต่งงานใหม่ในระยะเวลาอันสั้น
💓 รู้จักกันผ่านเว็บไซต์หาคู่
💓 คู่สมรสที่มีรายได้น้อย
💓 ระหว่างคบกันไม่มีหลักฐานการคบหาเพียงพอ
💓 เคยยื่นวีซ่าเองแล้วไม่ผ่าน
💓 เจอกันในสถานที่ทำงานกลางคืน
💓 เคยอยู่เกินกำหนดในประเทศญี่ปุ่น (โอเวอร์สเตย์)
💓 ปัจจุบันอยู่เกินกำหนดในประเทศญี่ปุ่น (โอเวอร์สเตย์)
💓 มีประวัติอาชญากรรม
💓 มีอุปสรรคในการสื่อสารกันระหว่างคู่สมรส
💓 คู่สมรสไม่มีงานทำ
💓 ไม่จ่ายภาษีหรือมีประวัติการจ่ายภาษีล่าช้า
💓 คนที่มาญี่ปุ่นด้วยวีซ่านักเรียนแล้วออกจากโรงเรียนกลางคัน
💓 คนที่มาญี่ปุ่นด้วยวีซ่านักเรียนแล้วทำงานเกิน 28 ชม. ต่อสัปดาห์ ในระหว่างที่ถือวีซ่านักเรียน
💓 คนที่มาด้วยวีซ่าฝึกงานแล้วต้องการเปลี่ยนเป็นวีซ่าแต่งงาน
💓 กรณีที่จดทะเบียนสมรสที่ญี่ปุ่นแต่มีปัญหาในการยื่นเรื่องไปยังประเทศไทย
ดังนั้นไม่ใช่แค่การเตรียมเอกสารเท่านั้น สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างก็คือการทำอย่างไรที่จะแสดงให้นิวกังเห็นว่าการแต่งงานระหว่างคู่สมรส เป็นการแต่งงานกันจริง ซึ่งผู้ที่ยื่นขอวีซ่าจะต้องเขียนเล่าประวัติการคบหาตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นการเจอกันที่ไหน ใครเป็นคนแนะนำ หลังจากตัดสินใจคบกันแล้วมีการไปมาหาสู่กันอย่างไร เมื่อไหร่ ที่ไหน จนดำเนินมาถึงการตัดสินใจแต่งงานได้อย่างไร
ในบางกรณีหลังจากที่ได้ยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว แต่เอกสารที่ยื่นไปนั้นไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้นิวกังเห็นได้ว่าการแต่งงานนั้นเป็นการแต่งงานกันจริงๆ ก็จะมีการขอเอกสารเพิ่มเติมมาจากทางนิวกัง ซึ่งเอกสารที่ส่งเพิ่มเติมนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะถือว่าเป็นโอกาสสุดท้ายก็ว่าได้ ที่จะใช้เป็นตัวตัดสินว่าการยื่นวีซ่าครั้งนั้นจะผ่านหรือไม่ เนื่องจากเอกสารที่ส่งเพิ่มไปนั้นหากไม่เพียงพอที่จะคลายข้อสงสัยของทางเจ้าหน้าที่ได้แล้ว ผลที่ได้ก็คือการที่วีซ่าถูกปฏิเสธนั่นเอง
แน่นอนว่าการที่นิวกังขอเอกสารเพิ่มเติมมา นั่นแสดงให้เห็นว่านิวกังมีความสงสัยเคลือบแคลงในการแต่งงาน ว่าจะเป็นการแต่งงานจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากเอกสารที่ส่งเพิ่มเติมไปภายหลัง สามารถแสดงให้นิวกังเห็นได้ว่า การแต่งงานไม่ได้แต่งเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ ก็มีโอกาสที่วีซ่าจะผ่านได้ แต่มีหลายคนที่แต่งงานกันจริงแต่วีซ่ากลับถูกปฏิเสธ เนื่องจากเอกสารไม่มีความน่าเชื่อถือพอ หลายคนไม่มีโอกาสแม้กระทั่งการส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยื่นยันว่าเป็นการแต่งงานจริง ดังนั้นหากท่านไม่มีความมั่นใจ ให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ยื่นวีซ่าให้ ไม่เพียงแต่วีซ่าจะมีโอกาสผ่านสูงมากกว่า แต่ยังประหยัดเวลาและความยุ่งยากไปได้อีกมากทีเดียวนะครับ
หลายคนที่ยังชั่งใจอยู่ว่าจะยื่นวีซ่าเองหรือจะให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนยื่นให้ เพราะในปัจจุบันข้อมูลหาได้ง่าย หลายๆ คนคิดว่ายื่นเองก็สามารถทำได้ บางคนเห็นเพื่อนหรือคนรู้จักเคยยื่นเองแล้วผ่านก็อยากจะลองทำเองดูบ้าง แต่การยื่นวีซ่านั้นแต่ละเคสไม่เหมือนกัน ไม่สามารถที่จะทำตามกันหรือใช้เอกสารเหมือนกันได้หมดทุกเคส โดยเฉพาะกรณีที่กล่าวไปข้างต้นที่นิวกังจะพิจารณาเข้มงวดเป็นพิเศษ กรณีเหล่านั้นหากยื่นเองมีโอกาสวีซ่าไม่ผ่านสูง แล้วเมื่อวีซ่าไม่ผ่านการยื่นซ้ำก็เป็นไปได้ยากมากขึ้น
ข้อมูลเอกสารต่างๆ ที่หาได้ทั่วไปส่วนใหญ่เป็นเพียงเอกสารเบื้องต้นเท่านั้นที่จะใช้ในการยื่นวีซ่า ต่างจากผู้เชี่ยวชาญจะมีประสบการณ์ในการยื่นวีซ่ามาหลากหลายเคสและทราบเกี่ยวกับมาตรฐานการพิจารณาของนิวกัง ดังนั้นจะดูเป็นรายบุคคลไป ว่าเคสไหนต้องทำเอกสารอย่างไร
หลายคนตัดสินใจที่จะทำเอกสารเอง ก็เพิ่งมารู้ตอนเริ่มเตรียมเอกสารว่ายุ่งยากขนาดไหน เนื่องจากเอกสารในการยื่นวีซ่านั้นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเอกสารภาษาญี่ปุ่น เอกสารภาษาไทย ที่ต้องนำมาแปลก่อนยื่นวีซ่า ทำเอกสาร รวมถึงต้องเสียเวลาไปยื่นและรับผลเอง
นอกจากนั้นบางคนที่ทำเอกสารยื่นวีซ่าเอง แล้วรอผลนานแต่ผลก็ไม่ออกสักที กลายเป็นว่านิวกังขอเอกสารมาเพิ่มเติมมาเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยในการแต่งงาน เมื่อเอกสารที่ส่งเพิ่มอธิบายให้นิวกังเข้าใจไม่ได้ผลก็คือวีซ่าไม่ผ่าน ต่างกับการให้ผู้เชี่ยวชาญยื่นวีซ่าให้ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจะรู้ในจุดสำคัญเกี่ยวกับพิจารณาวีซ่า ทำให้ไม่ค่อยมีการขอเอกสารเพิ่มเติมมาจากนิวกัง จึงเป็นผลให้วีซ่าออกเร็วกว่าการยื่นเอง
เมื่อได้วีซ่าแล้ว ก็ต้องทำการต่อวีซ่าตามกำหนด ต้องมาเตรียมเอกสารกันใหม่ในทุกๆ รอบ หลายคนไม่มีเวลาหรือเหนื่อยกับการยื่นวีซ่าเองในครั้งแรก พอต่อวีซ่าจึงให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการแทน แต่ถ้าให้ผู้เชี่ยวชาญเริ่มยื่นวีซ่าตั้งแต่ครั้งแรกผู้เชี่ยวชาญจะมองไปจนถึงการต่อวีซ่าในแต่ละครั้ง รวมไปถึงการยื่นขอวีซ่าพำนักถาวร (เอจู) เลยทีเดียว
รายละเอียดวีซ่าชนิดต่างๆ คลิกด้านล่าง
ลักษณะเฉพาะของวีซ่าแต่งงาน(วีซ่าคู่สมรส)ประเภทต่างๆ
วีซ่านักเรียนเปลี่ยนเป็นวีซ่าทำงาน